วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทความเรื่องที่ 4 อุกกาบาต


อุกกาบาต

             วัตถุจำพวกดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเล็กกว่า 1 กิโลเมตร เรียกว่า "สะเก็ดดาว" (Meteoroids) เมื่อสะเก็ดดาวตกลงสู่โลกและเสียดสีกับบรรยากาศจนเกิดความร้อนและลุกติดไฟ มองเห็นเป็นทางยาวในเวลากลางคืนเรียกว่า "ดาวตก" หรือ "ผีพุ่งใต้" (Meteor หรือ Shooting star) ดาวตกที่มองเห็นส่วนมากมีขนาดประมาณเม็ดทราย แต่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงประมาณ 40 - 70 กิโลเมตร/วินาที จึงเสียดสีกับอากาศจนร้อนมากจนเผาไหม้หมดก่อนที่จะตกถึงพื้นผิวโลก อย่างไรก็ตามถ้าสะเก็ดดาวขนาดใหญ่ตกลงมาก็จะเผาไหม้ไม่หมด เหลือชิ้นส่วนตกค้างบนพื้นผิวโลกซึ่งเรียกว่า "อุกกาบาต" (Meteorite) และหลุมที่เกิดจากการพุ่งชนเรียกว่า "หลุมอุกกาบาต" (Meteor crator)
              การแบ่งประเภทของอุกกาบาตเป็นเช่นเดียวกับการแบ่งประเภทดาวเคราะห์น้อย เพราะอุกกาบาตก็คือชิ้นส่วนของดาวเคราะห์น้อยนั่นเอง ซึ่งแบ่งตามองค์ประกอบทางเคมีได้ดังนี้
- C-type (Carbonaceous chondrite) อุกกาบาตคาร์บอนมีสีคล้ำเนื่องจากมีองค์ประกอบเป็นคาร์บอน       จำนวนมาก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า อุกกาบาตประเภทนี้เป็นพาหะนำเชื้อชีวิตมาสู่โลก
- S-type (Stone) อุกกาบาตหิน มีองค์ประกอบเป็นซิลิกา
- M-type (Metal) อุกกาบาตโลหะ มีองค์ประกอบเป็นเหล็กและนิเกิล


             นอกจากอุกกาบาตจะเกิดขึ้นจากสะเก็ดดาวเคราะห์น้อยแล้ว ยังมีอุกกาบาตบนพื้นโลกที่มาจากดวงจันทร์และดาวอังคาร  ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อมีดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่พุ่งชนดวงจันทร์ของดาวอังคาร แรงระเบิดจะทำให้สะเก็ดดาวกระเด็นขึ้นสู่อวกาศจนหลุดพ้นจากแรงโน้มถ่วงและล่องลอยไปในอวกาศ  เมื่อโลกโคจรผ่านเข้ามา แรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงดูดให้สะเก็ดดาวนั้นตกลงมา และถ้าอุกกาบาตนั้นตกลงบนพื้นผิวสีขาวเช่นแผ่นน้ำแข็ง นักวิทยาศาสตร์ก็จะตามไปเก็บได้ง่ายดังภาพที่ 2 เป็นอุกกาบาตจากดาวอังคารที่เก็บได้ที่ขั้วโลกใต้
   
   ลักษณะเด่นของอุกกาบาต
              1. ดูดติดแม่เหล็ก เนื่องจากอุกกาบาตมีส่วนประกอบของเหล็กอยู่ จึงทำให้มันสามารถดูดติดแม่เหล็กได้
              2. น้ำหนัก อุกกาบาตเป็นวัตถุเนื้อแน่น และมีส่วนประกอบของเหล็ก ทำให้มีน้ำหนักมาก
              3. เปลือกหลอม จากการเผาไหม้ขณอยู่ในชั้นบรรยากาศ ทำให้อุกกาบาตเกิดเปลือกหลอม (fusion crust) บาง ๆ สีดำ ที่อาจมีประกายเงา หรือ ประกายด้าน ซึ่งแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร เปลือกหลอมนั้นก็จะยังคงมีประกายอยู่ 
              4. ลักษณะผิวภายนอก อุกกาบาตมักแสดงรอยยุบคล้ายรอยนิ้วมือ เนื่องจากผิวเกิดการหลอมในขณะเดินทางมายังโลก แต่สำหรับอุกกาบาตหินนั้นจะเห็นไม่ชัดเจนเท่าอุกกาบาตเหล็ก นอกจากนี้อุกกาบาตประเภทเหล็กมักแสดงความแหลมคมหรือเป็นเหลี่ยมมุมแหลม หรือแสดงแนวการไหลที่เกิดจากการหลอม ซึ่งคล้ายกับหินภูเขาไฟ
              5. ไม่มีรูพรุน จากลักษณะนี้เองที่ทำให้สามารถแยกอุกกาบาตจากหินภูเขาไฟได้
              6. เกล็ดโลหะ ส่วนมากอุกกาบาตประเภทหินมักแสดงเกล็ดโลหะ (metallic flakes) ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นเศษชิ้นของเหล็กและนิเกิลจากนอกโลก เราสามารถสังเกตเห็นได้หลังจากตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือหลังจากกำจัดเหลี่ยมมุม
              7. คอนดรูล (Chondrules) ซึ่งเป็นโครงสร้างทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 มิลลิเมตร ซึ่งมักพบในอุกกาบาตประเภทหิน ดังนั้นชื่อของอุกกาบาตประเภทหินลักษณะแบบนี้จึงเรียกว่า คอนไดร์ท (chondrites) ซึ่งเป็นอุกกาบาตที่พบตกมาบนผิวโลกมากที่สุด
              8. สนิมหรือสนิมเขียว อุกกาบาตที่ตกมายังโลกนานแล้วมักจะมีสนิม หรือในกรณีที่อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบแห้งแล้งทะเลทรายมักจะมีคราบสนิมเขียวที่เกิดจากการกระบวนการอ๊อกซิเดชั่น ซึ่งมักจะมีสีเหลือง น้ำตาล แดง หรือส้ม


















 อุกกาบาตตกในประเทศไทย
 - ลูกอุกกาบาตนครปฐม ตกที่ตำบลดอนยายหอม เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2466 แตกเป็น 2ก้อนใหญ่ น้ำหนักรวม 32 กิโลกรัม เป็นอุกกาบาตชนิดเนื้อหิน ตั้งแสดงอยู่ที่ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
 - ลูกอุกกาบาตเชียงคาน ตกที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2524 เป็นอุกกาบาตชนิดเนื้อหิน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัตถุจากกระแสธารอุกกาบาต ที่เป็นซากเหลือจาก ดาวหางเทมเพล (Tempel ) ที่โลกโคจรตัดผ่านธารอุกกาบาตในช่วงนั้น เป็นประจำทุกปี จึงทำให้เกิดเป็น ฝนดาวตก หรือ ฝนอุกกาบาต ให้เห็นในระยะนั้น มีสมมุติฐานอธิบายกำเนิดของอุกกาบาต ว่าน่าจะมาจากแถบของดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ระหว่าง วงโคจรของดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี หรืออาจ มาจากดาวหางที่โคจรอยู่ในระบบสุริยะ นอกจากนั้นยังพบอุกกาบาตบางก้อนมีองค์ประกอบ เช่นเดียวกับหินจากดวงจันทร์และหินจาก ดาวอังคารด้วย
           อุกกาบาตเป็นวัตถุฟากฟ้าที่สำคัญยิ่งในทางดาราศาสตร์ เพราะนอกจากโลกของเราแล้ว อุกกาบาตเป็นสมาชิกในระบบ สุริยะที่ตกผ่านเข้ามาบนโลกให้มนุษย์ได้มีโอกาสจับต้อง และศึกษาค้นคว้าได้โดยตรง
          การตรวจสอบพบว่าลูกอุกกาบาตส่วนใหญ่ประกอบด้วยเหล็ก นิเกิล และแร่ธาตุที่ตรวจพบได้
บนโลก จึงสรุปได้ว่าสมาชิก ของระบบสุริยะทั้งปวงประกอบขึ้นจากวัตถุชนิดเดียวกัน



อ้างอิง : http://student.nu.ac.th/Solarsystem/METEOR.HTM
          : http://www.lesa.biz/astronomy/solar-system/small-bodies/meteoroids
          : http://hilight.kapook.com/view/82161

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น